ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ใช้คำพูดในเชิงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.11% แตะที่ระดับ108.046
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 155.81 เยน จากระดับ 156.52 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4362 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4371 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9068 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0423 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0420 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2360 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2324 ดอลลาร์
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ในการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันพฤหัสบดี ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดราคาน้ำมัน ขณะเดียวกันเขาเตือนว่าผู้นำภาคธุรกิจทั่วโลกจะเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่ผลิตนอกเขตแดนสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า"ผมขอเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที และเช่นเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรจะปรับลดลงตามเรา"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แม้ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เอ่ยชื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคำเรียกร้องดังกล่าว แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขาจะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง นอกจากนี้ คำพูดดังกล่าวยังบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์กำลังกดดันเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งถูกปธน.ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงิน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงแตะระดับ 4.646% หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์
อย่างไรก็ดี FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 219,000 ราย