ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (29 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด และไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ระดับ 108.000
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9073 ฟรังก์ จากระดับ 0.9040 ฟรังก์ในวันอังคาร และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4421 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4396 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 155.25 เยน จากระดับ 155.53 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0416 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0435 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2444 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2443 ดอลลาร์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
ทางด้านเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เฟดไม่รีบร้อนในการปรับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินของเฟดอยู่ในสถานะที่เหมาะสมในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่
นอกจากนี้ พาวเวลกล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่านโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะส่งผลอย่างไร และเฟดจะต้องใช้เวลาในการประเมินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
แถลงการณ์ของคณะกรรรมการเฟดและการแสดงความเห็นของพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า ขณะที่แมทเธียส ไชเบอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Allspring Global Investments คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมเดือนพ.ค. และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปีนี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2567 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนธ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค.