ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (31 ม.ค.) ขณะที่ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง และเปโซเม็กซิโกปรับตัวขึ้น หลังจากทำเนียบขาวระบุย้ำว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวันเสาร์นี้ (1 ก.พ.)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ระดับ 108.42 และปรับตัวขึ้น 0.93% ในสัปดาห์นี้หลังจากลดลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
ดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา และยังคงซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 1.451 ดอลลาร์แคนาดา และปรับตัวขึ้นเกือบ 1.1% ในรอบสัปดาห์นี้
เปโซเม็กซิโกเพิ่มขึ้น 0.17% แตะ 20.728 ต่อดอลลาร์ แต่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.54% แตะ 155.13 เยน โดยแข็งค่าขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน และดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% แตะ 0.9016 ฟรังก์สวิส และปรับตัวขึ้น 0.5% ในสัปดาห์นี้ หลังอ่อนค่าลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
ส่วนยูโรอ่อนค่าลง 0.3% แตะ 1.0367 ดอลลาร์ และลดลง 1% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. แต่ในเดือนม.ค. ยูโรเพิ่มขึ้น 0.23% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า BOJ ต้องรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป เพื่อให้เงินเฟ้อพื้นฐานค่อยๆ เร่งตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า เงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวแตะ 2.5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตรายปีที่เร็วที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อวันพฤหัสบดี และผู้กำหนดนโยบายเปิดโอกาสสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนมี.ค. โดยความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาได้รับความสำคัญมากกว่าความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในสัปดาห์นี้ และเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดจะไม่เร่งรีบที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แม้เขาบอกเป็นนัยว่ามีช่องทางในการปรับลดลงอีก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่สูงกว่าระดับปกติอย่างมากก็ตาม