เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอินเดียกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า อินเดียกำลังทบทวนจุดยืนเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี เนื่องจากทัศนคติต่อสินทรัพย์เสมือนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในหลายประเทศ
การทบทวนครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศนโยบายที่เป็นมิตรกับคริปโทฯ ซึ่งอาจทำให้เอกสารการอภิปรายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่มีกำหนดเผยแพร่ตั้งแต่เมื่อเดือนก.ย. 2567 นั้น ล่าช้าออกไปอีก
"มีมากกว่า 1 หรือ 2 ประเทศที่เปลี่ยนท่าทีต่อสกุลเงินคริปโทฯ ทั้งในแง่ของการใช้งาน การยอมรับ และความสำคัญของสินทรัพย์คริปโทฯ ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ เราจึงกำลังพิจารณาเอกสารการอภิปรายอีกครั้ง" อาเจย์ เซธ เลขาธิการด้านเศรษฐกิจของอินเดียกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
เซธกล่าวว่า เนื่องจากสินทรัพย์ประเภทนี้ "ไม่มีพรมแดน" จุดยืนของอินเดียจึงไม่สามารถกำหนดได้เพียงฝ่ายเดียว
เซธไม่ได้ระบุถึงสหรัฐฯ โดยตรง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทรัมป์ได้สั่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อเสนอแนวทางใหม่ในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลและศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างคลังเก็บสกุลเงินคริปโทฯ แห่งชาติ ตามที่ทรัมป์ได้เคยให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงนโยบายด้านคริปโทฯ ของสหรัฐฯ
ในเดือนธ.ค. 2566 หน่วยข่าวกรองทางการเงินของอินเดีย (FIU) ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนไปยัง 9 แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ต่างประเทศ ฐานไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศ
ไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถูกสั่งปรับเป็นเงิน 188.2 ล้านรูปี (2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมิ.ย. 2567 ซึ่งเกิดขึ้นหนึ่งเดือน หลังจากที่ไบแนนซ์ลงทะเบียนกับ FIU เพื่อพยายามกลับมาดำเนินกิจการในอินเดีย
เมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของอินเดียแนะนำให้มีหลายหน่วยงานร่วมกันดูแลการซื้อขายสกุลเงินคริปโทฯ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีบางหน่วยงานในประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้สินทรัพย์เสมือนของเอกชน
อย่างไรก็ตาม จุดยืนดังกล่าวแตกต่างจากธนาคารกลางอินเดียซึ่งยังคงยืนยันว่า เงินดิจิทัลของเอกชนเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโดยรวม