ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (10 ก.พ.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ทำสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.26% แตะที่ระดับ108.319
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 151.98 เยน จากระดับ 151.38 เยนในวันศุกร์ (7 ก.พ.), แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9114 ฟรังก์ จากระดับ 0.9092 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4308 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4284 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0307 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0332 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2367 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2414 ดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศ ซึ่งเพิ่มเติมจากอัตราภาษีที่เก็บอยู่เดิม แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ภายในสัปดาห์นี้ โดยจะนำมาใช้กับประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (CPI) เดือนม.ค.ในวันพุธนี้ (12 ก.พ.) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.)
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ พาวเวลจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 11 ก.พ. ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 12 ก.พ. โดยการกล่าวแถลงการณ์ทั้ง 2 วันจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย