ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (12 ก.พ.) หลังจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเงินเฟ้อเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.02% แตะที่ระดับ 107.938
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4284 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4294 ดอลลาร์แคนาดาในวันอังคาร (11 ก.พ.) แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 154.43 เยน จากระดับ 152.49 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9133 ฟรังก์ จากระดับ 0.9132 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0391 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0358 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2446 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2438 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.9% และเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือนธ.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1% และเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.2% ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยล่าสุดมีรายงานว่าทีมที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเร่งสรุปแผนการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 ก.พ.) ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำประกาศให้ปรับขึ้นอัตราภาษีอะลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ เป็น 25% จากอัตราเดิมที่ระดับ 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.