ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังการเปิดแผยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอในเดือนม.ค.
ณ เวลา 21.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.58% สู่ระดับ 106.69 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.44% สู่ระดับ 152.11 เยน และร่วงลง 0.31% สู่ระดับ 1.050 เทียบยูโร
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนธ.ค.
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกลดลง 0.5% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ลดลงในเดือนม.ค.ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ผู้บริโภคลดการออกไปจับจ่ายใช้สอยในเดือนดังกล่าว
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยปธน.ทรัมป์มอบหมายให้นายโฮเวิร์ด ลุตนิก ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้นำในการศึกษาประเด็นต่าง ๆ เพื่อกำหนดระดับภาษีศุลกากรที่เหมาะสมสำหรับแต่ละประเทศ
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันที่ 28 ก.พ. หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาดในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนี CPI