ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (14 ก.พ.) และอ่อนค่าลงในรอบสัปดาห์นี้โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยูโร เนื่องจากการชะลอมาตรการภาษีตอบโต้ที่วางแผนโดย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทำให้เกิดความหวังว่า มาตรการเหล่านั้นอาจจะไม่รุนแรงตามที่กังวล ขณะที่ความหวังเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนช่วยหนุนให้ยูโรแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.57% แตะที่ระดับ 106.705
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะ 152.21 เยนในวันศุกร์ (14 ก.พ.) จาก 152.94 เยนในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.), ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 0.8986 ฟรังก์สวิส จาก 0.9039 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 1.4160 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.4232 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.0499 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จาก 1.0436 ดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี และปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นสู่ 1.2595 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.2537 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 9 สัปดาห์ หลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาดในเดือนม.ค. ซึ่งทำให้บรรดาเทรดเดอร์เพิ่มความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ทรัมป์ได้สั่งให้ทีมเศรษฐกิจของเขาวางแผนภาษีตอบโต้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีกับสินค้าของสหรัฐฯ
โฮเวิร์ด ลุตนิค ผู้ที่ทรัมป์เลือกให้เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์กล่าวว่า รัฐบาลจะจัดการกับแต่ละประเทศที่ได้รับผลกระทบทีละประเทศ และกล่าวว่าการศึกษาในเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 เม.ย.
เงินยูโรและสกุลเงินยุโรปอื่น ๆ ได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้จากความหวังว่า รัสเซียและยูเครน จะสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้