ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า นลท.รุกซื้อสกุลเงินปลอดภัยหลังทรัมป์ขู่รีดภาษี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 20, 2025 07:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (19 ก.พ.) โดยดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเดินหน้าซื้อสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% แตะที่ระดับ 107.173

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9038 ฟรังก์ จากระดับ 0.9036 ฟรังก์ในวันอังคาร (18 ก.พ.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4232 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4188 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 151.52 เยน จากระดับ 151.92 เยน

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0425 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0445 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2584 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2597 ดอลลาร์

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์และเยนซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกในวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เขามีความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาก็จะอยู่ในอัตราเดียวกัน หรืออาจจะสูงกว่า โดยปธน.ทรัมป์ระบุว่าอาจจะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย.

ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมากหากปธน.ทรัมป์นำมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาใช้

ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศ และจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของปธน.ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากร อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 9.8% สู่ระดับ 1.36 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ล้านยูนิต โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ