ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.75% แตะที่ระดับ 106.373
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 149.78 เยน จากระดับ 151.52 เยนในวันพุธ (19 ก.พ.), อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8977 ฟรังก์ จากระดับ 0.9038 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ะรดับ 1.4174 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4232 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0501 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0425 ดอลลาร์ในวันพุธ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2670 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2584 ดอลลาร์
เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนเทียบดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้
นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ หลังจากปธน.ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขามีแผนที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ ยา ไม้แปรรูป และสินค้าอื่น ๆ "ในเดือนหน้าหรือเร็วกว่านั้น"
ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค. โดยปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลง 26.2 จุด สู่ระดับ 18.1 ในเดือนก.พ. อย่างไรก็ดี ดัชนีมีค่าเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว