ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดิ่งลงกว่า 1% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอ
ณ เวลา 23.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ลบ 1.02% สู่ระดับ 106.52 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 1.16% สู่ระดับ 1.050 เทียบยูโร และดีดตัว 0.26% สู่ระดับ 150.21 เยน
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลง สู่ระดับ 50.3 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.6 จากระดับ 50.9 ในเดือนม.ค.
ดัชนีได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ถูกกดดันจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สอดคล้องคาดการณ์เมื่อวันศุกร์
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมเดือนก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568
ดอลลาร์อ่อนค่าสวนทางการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ก่อนกำหนดเส้นตายที่สหรัฐจะเปิดฉากทำสงครามการค้าในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.)
นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า อัตราภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันพรุ่งนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอน โดยอาจต่ำกว่าระดับ 25% ที่เคยระบุไว้ แต่สหรัฐจะยังคงเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน
นอกจากนี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%