ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อคืนหลังจากที่ดอลลาร์ถูกเทขายเกือบตลอดทั้งสัปดาห์
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% แตะที่ระดับ 103.827
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8831 ฟรังก์ จากระดับ 0.8823 ฟรังก์ในวันพุธ (12 มี.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4424 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4364 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.74 เยน จากระดับ 148.34 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0854 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0885 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2952 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2967 ดอลลาร์
แม้ว่าดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อคืน แต่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.7% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3% และดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
นักลงทุนจับตาการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ในวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องส่งให้ปธน.ทรัมป์ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในวันนี้ (14 มี.ค.) เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์