สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (18 มี.ค.) ขานรับข่าวรัฐสภาเยอรมนีอนุมัติแผนการใช้จ่ายจำนวนมหาศาล ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงผลการประชุมนโยบายการเงิน โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% แตะที่ระดับ 103.246
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ระดับ 1.0944 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0926 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (17 มี.ค.) ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3004 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2997 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8765 ฟรังก์ จากระดับ 0.8806 ฟรังก์ในวันจันทร์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 149.23 เยน จากระดับ 149.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4304 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4283 ดอลลาร์แคนาดา
สภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนี (Bundestag) อนุมัติการปฏิรูปที่รวมถึงการผ่อนปรนมาตรการจำกัดหนี้ (debt brake) ครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม และการจัดตั้งกองทุนมูลค่า 5 แสนล้านยูโร (5.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยแผนดังกล่าวจะถูกเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาในวันศุกร์นี้
สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 11.2% สู่ระดับ 1.50 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.38 ล้านยูนิต จากระดับ 1.35 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการประกาศในวันพุธ (19 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทั้งสิ้น 0.60% ในปีนี้ แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้เตือนไม่ให้เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และควรรอดูผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่จะสะท้อนให้เห็นในข้อมูลเศรษฐกิจ ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน