สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (19 มี.ค.) โดยดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ระดับ 103.428
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8776 ฟรังก์ จากระดับ 0.8765 ฟรังก์ในวันอังคาร (18 มี.ค.) และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4311 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4304 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.84 เยน จากระดับ 149.23 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0908 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0944 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3008 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3004 ดอลลาร์
คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงาน Dot Plot เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ รายงานว่าจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองร่วงลง 6.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 13% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 806,500 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 6.72% จากระดับ 6.67% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้