ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาการทำสงครามการค้าของสหรัฐ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.22% สู่ระดับ 104.27 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.28% สู่ระดับ 1.080 เทียบยูโร และปรับตัวลง 0.03% สู่ระดับ 149.77 เยน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าวันที่ 2 เม.ย.จะเป็นวันแห่งการปลดปล่อยของสหรัฐ โดยในวันดังกล่าว สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% รวมทั้งเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อทุกประเทศทั่วโลก
นักลงทุนวิตกว่าการทำสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
เจพี มอร์แกน คาดว่าสหรัฐมีโอกาส 40% ที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 30%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -2.8% ในไตรมาส 1/2568 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว +2.3% ในไตรมาสดังกล่าว
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมประจำปีของ Society for Advancing Business Editing and Writing (SABEW) ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย
การประชุมดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. เวลา 11.25 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 22.25 น.ตามเวลาไทย
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
นอกจากนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวลในวันดังกล่าว จะมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.ต่อทุกประเทศทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลกล่าวหลังการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์จะส่งผลให้เฟดเผชิญกับความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
นายพาวเวลยอมรับว่า ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และถือเป็นความท้าทายสำหรับเฟดในการรับมือกับนโยบายใหม่จากรัฐบาลทรัมป์ แต่นายพาวเวลยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย