สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (21 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.1% แตะที่ระดับ 98.278
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 140.60 เยน จากระดับ 141.57 เยนของวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8073 ฟรังก์ จากระดับ 0.8125 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3839 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3827 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1521 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1449 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3378 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3316 ดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวานนี้ว่า "เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกเสียจากว่าพาวเวลจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันที" ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ยังคงกดดันพาวเวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟดหากไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคำเรียกร้อง
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้แสดงความไม่พอใจที่พาวเวลกล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของเขาจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
ออสติน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก แสดงความเห็นในเรื่องนี้ผ่านทางรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ว่า เขาพบว่าประเทศที่ธนาคารกลางไม่มีอิสรภาพนั้น อัตราเงินเฟ้อมักจะปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจเติบโตช้าลง และตลาดแรงงานอ่อนแอลง ซึ่งเขาคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะไม่ผลักตัวเองเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางถูกตั้งคำถาม เพราะนั่นจะเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเฟด
ขณะที่เอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์จะตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ หากปธน.ทรัมป์ปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จาก S&P Global, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน