สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (23 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณปรับลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากจีน
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.94% แตะที่ระดับ 99.844
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 143.45 เยน จากระดับ 141.50 เยนในวันอังคาร (22 เม.ย.), แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8297 ฟรังก์ จากระดับ 0.8189 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3887 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3815 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1322 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1426 ดอลลาร์ในวันอังคาร ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3265 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3336 ดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะคลี่คลายข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนในอัตรา 145% นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐฯ จะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะปรับลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%
ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า และล่าสุดเขาส่งสัญญาณว่า มีโอกาสที่ทั้งสองประเทศจะบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีเป้าหมายที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานเฟดก่อนที่พาวเวลจะครบวาระในเดือนพ.ค. 2569 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 53.5 ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ยังคงขยายตัว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.4% สู่ระดับ 724,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 680,000 ยูนิต จากระดับ 674,000 ยูนิตในเดือนก.พ.