ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนจับตาคืบหน้าเจรจาเทรดวอร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 24, 2025 22:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

ณ เวลา 22.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.26% สู่ระดับ 99.58 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.31% สู่ระดับ 1.135 เทียบยูโร และร่วงลง 0.50% สู่ระดับ 142.73 เยน

นายเหอ หย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยระบุว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่า มีโอกาสที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่

ก่อนหน้านี้ นายเบสเซนต์แสดงความหวังว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า

นายเบสเซนต์ยังยืนยันว่า แม้สหรัฐจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนขึ้นเป็น 145% และจีนจะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐที่ระดับ 125% แต่เป้าหมายนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ใช่การตัดขาดเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนออกจากกัน

ด้านปธน.ทรัมป์แสดงท่าทีประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับจีน โดยระบุว่า อัตราภาษีในอัตรา 145% ที่เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากจีน "ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่สหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีที่สูงเช่นนั้น โดยจะลดลงต่ำกว่านั้นมาก แต่ไม่ถึงระดับ 0%"

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 9.2% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.พ.

การพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนมีสาเหตุจากการที่บริษัทต่าง ๆ พากันรีบสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ต่อประเทศคู่ค้าในวันที่ 2 เม.ย.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.พ.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ