การดีดตัวขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปีส่งผลให้อัตราผลตอบแทนร่วงลงสู่ระดับ 2.030% ในวันนี้ จาก 2.058% เมื่อวานนี้
การเปิดเผยรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่ลดลง และภาคบริการของสหรัฐที่ปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนก.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของสหรัฐ
รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5%
ทางด้านบริษัทมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ จากระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. หลังจากที่พุ่งแตะ 56.1 ในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 55.5 ในเดือนต.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
นอกจากนี้ รายงานข่าวที่ว่า ทำเนียบขาวและผู้นำของสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงในวันนี้เกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้สหรัฐไปจนถึงปี 2017 ก็ได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดพันธบัตร