นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ เช่น ยอดค้าปลีก ในวันนี้ ก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาพันธบัตรดีดตัวขึ้น
การทะยานขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปีส่งผลให้อัตราผลตอบแทนร่วงลงสู่ระดับ 1.99% ในวันนี้ โดยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค.2015 ที่อัตราผลตอบแทนดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 2%
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ร่วงลงอย่างหนัก จากความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนที่ปรับตัวลง
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 106.68 จุด หรือ 3.55% ปิดที่ 2,900.97 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นร่วง 3.35% ปิดที่ 9,997.92 จุด
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.978 แสนล้านหยวน (9.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งลดลงจาก 7.089 แสนล้านหยวนในเดือนพ.ย.
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทรุดตัวลงอย่างหนักในวันนี้ จากการดิ่งลงของราคาน้ำมันต่ำกว่าระดับ 30 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) อยู่ที่ 16,047.76 จุด ดิ่งลง 344.98 จุด หรือ 2.11%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือนธ.ค.2015 ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สู่ระดับ 4.481 แสนล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.
ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ลดการใช้จ่ายในสินค้าทั่วไป, เสื้อผ้า และน้ำมัน
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.4% ในเดือนธ.ค. โดยร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2%
การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลงจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่ดิ่งลง และสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติ ซึ่งฉุดการผลิตในภาคสาธารณูปโภคและภาคเหมืองแร่ของสหรัฐ
ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนธ.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 76.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 76.8%
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการประเมินผลผลิตในภาคการผลิต ภาคสาธารณูปโภคและภาคเหมืองแร่ของสหรัฐ
นอกจากนี้ เฟดสาขานิวยอร์ครายงานวันนี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนม.ค.
การร่วงลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, การลดการใช้จ่ายทุน และอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ ดัชนีดิ่งลงสู่ระดับ -19.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2009 จาก -6.2 ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ -4.0 ในเดือนม.ค.
ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว