พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงตามพันธบัตรยุโรป หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
การร่วงลงของราคาพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.4043% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.0974%
ทางด้านพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีดิ่งลงอย่างหนักเช่นกัน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.419% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 20 ปี ทะยานสู่ระดับ 0.92%
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน โดยให้สิ้นสุดในเดือนธ.ค.2017 จากเดิมที่จะครบกำหนดในเดือนมี.ค.2017
อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนเม.ย.2017-ธ.ค.2017 สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากปัจจุบันที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน
ECB ระบุว่า ทางธนาคารกลางจะพิจารณาปรับวงเงิน และระยะเวลาในการดำเนินมาตรการ QE หากมีความจำเป็น
ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า การตัดสินใจขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมวันนี้ จะช่วยหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนได้อย่างมาก ถึงแม้ ECB จะลดวงเงิน QE ตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีหน้า
นายดรากีกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าสถานะทางการเงินในยูโรโซนจะยังคงมีความแข็งแกร่ง
ประธาน ECB ระบุว่า การขยายระยะเวลาของมาตรการ QE ออกไปอีก 9 เดือน แทนที่จะเป็น 6 เดือนตามที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ บ่งชี้ถึงตลาดที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และจะทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB มีความยั่งยืนมากขึ้น