พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ ซึ่งได้แก่ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
การดีดตัวของราคาพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.291% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.833%
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทะยานขึ้น 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 13.1% ของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2552 หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 หลังจากขยับลง 0.1% ในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ย.
ยอดค้าปลีกที่ทะยานขึ้นในเดือนก.ย. ได้รับผลบวกจากการฟื้นฟูบูรณะเขตประสบภัยพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้มีความต้องการซื้อวัสดุก่อสร้าง และรถยนต์
นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกยังได้แรงหนุนจากรายได้ของสถานีบริการน้ำมันที่พุ่งขึ้น หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ขณะเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงาน หลังเกิดพายุเฮอร์ริเคนถล่ม