บอนด์ยิลด์สหรัฐพุ่ง เหตุดอลล์อ่อนกระตุ้นความกังวลเงินเฟ้อ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในวันนี้ เนื่องจากดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการทะยานขึ้นของเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.669% หลังจากพุ่งแตะ 2.676% ในการซื้อขายช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2557 ซึ่งขณะนั้นอัตราผลตอบแทนแตะ 2.692%

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.928% ในวันนี้

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ดอลลาร์ดิ่งลงหลุด 109 เยนในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเทียบเยน โดยนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวเมื่อวานนี้ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ณ เวลา 19.29 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.22% สู่ระดับ 108.97 เยน หลังจากดิ่งลงแตะ 108.74 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.18% สู่ระดับ 135.24 เยน และขยับขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.2412 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.05% สู่ระดับ 89.16

ตลาดการเงินมองว่า คำกล่าวของนายมนูชินบ่งชี้ว่า สหรัฐกำลังหันออกจากนโยบายค่าเงินที่ใช้กันมาในอดีต และเป็นการส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังเตรียมทำสงครามการค้ากับจีน และประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ อันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน"ของเขา

อย่างไรก็ดี นายมนูชินกล่าวในวันนี้ว่า "ผมคิดว่าความเห็นของผมเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว โดยมีความสมดุล และสอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้กล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ เราไม่มีความกังวลต่อค่าเงินดอลลาร์ในระยะสั้น ถึงแม้อาจมีผลกระทบทั้งทางบวกและลบ"

นายมนูชินยังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่จะปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และสหรัฐต้องการให้มีการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม