อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครั้งใหม่ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงส่งแรงขายในตลาดพันธบัตร ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.902% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.194%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นายโรเบิร์ต กริฟฟิน หัวหน้านักวิเคราะห์ของอีซียู กรุ๊ป กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และภาวะตลาดพันธบัตรในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนไม่ได้มองว่าพันธบัตรเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกในขณะที่ตลาดหุ้นทรุดตัวลง
"ก่อนหน้านี้ ในเวลาที่ตลาดหุ้นเปลี่ยนจากภาวะกระทิงเป็นภาวะหมี นักลงทุนก็จะหันหน้าเข้าสู่ตลาดพันธบัตร แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยกำลังดีดตัวขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น พันธบัตรรัฐบาลจึงไม่ได้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป" นายกริฟฟินกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะดิ่งลงต่อไป หรือจะฟื้นตัวขึ้น จะขึ้นอยู่กับการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะฉุดให้ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน และทรุดตัวลงต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวในเดือนม.ค.
"หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทะยานขึ้น" นายเจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าว