อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คาดว่า นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว จะลาออกจากตำแหน่ง ถ้าหากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับข่าวที่ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า
ณ เวลา 23.53 ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.866% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.131%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชื่อว่า นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว จะลาออกจากตำแหน่ง ถ้าหากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
ทั้งนี้ นายโคห์นถือเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือสำหรับปธน.ทรัมป์สำหรับการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจและตลาด
ปธน.ทรัมป์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% เพื่อที่จะปกป้องภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาต้องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเจ้าหน้าที่บางคนในทำเนียบขาว พร้อมกับโต้ข่าวลือที่ว่ามีความสับสนวุ่นวายในคณะทำงานของทำเนียบขาว
"มีข่าวลวงใหม่ๆเกิดขึ้นมาว่า มีความวุ่นวายในทำเนียบขาว ไม่ใช่เลย เจ้าหน้าที่มักจะมาแล้วก็ไป และผมต้องการที่จะมีการหารือกันก่อนที่จะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ผมยังคงต้องการปรับตำแหน่งของคนบางคน (ผมเป็นคนที่มักต้องการความสมบูรณ์แบบ) ไม่มีความวุ่นวาย มีแต่พลังงานที่ยิ่งใหญ่" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในผู้ว่าการของเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวในวันนี้ว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ จะทำให้สหรัฐมีโอกาสดีที่สุดในการผลักดันเศรษฐกิจให้คืบหน้าต่อไป
"เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และผมคิดว่าเฟดควรรีบปรับขึ้น มากกว่าที่จะปล่อยให้ล่าช้าออกไป" เขากล่าว
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
นายแคปแลนระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องถือว่ามีความจำเป็น ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.1% ในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
"เราคิดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวลงสู่ช่วง 3% ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานเต็มศักยภาพในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีคนจำนวนมากขึ้นที่มีงานทำ แต่ก็จะทำให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น" นายแคปแลนกล่าว