อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงในวันนี้ จากการที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ได้ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
ณ เวลา 20.10 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.763% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.978% โดยหลุดจากระดับ 3% ก่อนหน้านี้
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า "รัสเซียบอกว่าจะยิงสกัดขีปนาวุธทุกลูกที่โจมตีซีเรีย ดังนั้น รัสเซียเตรียมพร้อมได้เลย เพราะมันจะมาแน่ เป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ดีและฉลาด คุณไม่ควรเป็นเพื่อนกับสัตว์ที่ใช้ก๊าซพิษฆ่าประชาชนของตนเอง และมีความสุขกับเรื่องนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทางด้านเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า กองทัพรัสเซียจะยิงสกัดขีปนาวุธของสหรัฐที่ล่วงล้ำน่านฟ้าของซีเรีย รวมทั้งรัสเซียจะยิงทำลายฐานยิงขีปนาวุธดังกล่าวด้วย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวรายงานว่า กองกำลังของซีเรียได้ใช้ก๊าซคลอรีนโจมตีเมืองดูมา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎในเขตกูตาตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย แต่ทางรัฐบาลซีเรียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐจะทำการตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับซีเรียภายในเวลา 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า
คำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่เขาขู่ก่อนหน้านี้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียจะต้องชดใช้อย่างสาสม หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีต่อฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎซีเรีย จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า "มีประชาชนเสียชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้หญิงในเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี" พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า "ประธานาธิบดีปูติน รัสเซีย และอิหร่าน จะต้องรับผิดชอบต่อการสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด และจะต้องชดใช้อย่างสาสม"
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีทรงตัวในเดือนมี.ค. หลังจากดีดตัว 0.2% ในเดือนก.พ.
การชะลอตัวของดัชนี CPI ในเดือนมี.ค.มีสาเหตุจากการร่วงลงของราคาน้ำมันเบนซิน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ และค่าเช่าบ้านดีดตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.พ.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน เท่ากับในเดือนก.พ. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัว 2.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ หลังจากที่ประชุมเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.