อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีทะยานขึ้นทะลุระดับ 2.840% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ก.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
ณ เวลา 00.41 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.821% หลังจากแตะระดับ 2.842% ในช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.2551 ซึ่งในวันดังกล่าวอัตราผลตอบแทนแตะระดับ 3.014% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.085% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.219%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นายดรากีกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากตลาดแรงงานประสบภาวะตึงตัว ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของค่าแรง
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังได้ปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐ
นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมพบนายร็อด โรเซนสไตน์ รมช.ยุติธรรมสหรัฐ ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากมีกระแสข่าวว่านายโรเซนสไตน์ได้ลาออกจากตำแหน่งในวันนี้
"ท่านประธานาธิบดีได้พูดคุยกับคุณโรเซนสไตน์เพื่อหารือเกี่ยวกับรายงานข่าวที่เกิดขึ้น" นางแซนเตอร์สกล่าว
"เนื่องจากท่านประธานาธิบดีขณะนี้กำลังเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และมีกำหนดพบปะกับผู้นำจากทั่วโลก ท่านประธานาธิบดีและคุณโรเซนสไตน์ก็จะพบกันในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่ท่านประธานาธิบดีกลับมายังกรุงวอชิงตันดี.ซี." โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
Axios ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายโรเซนสไตน์ได้ลาออกจากตำแหน่งในวันนี้
ทางด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาวได้ยอมรับหนังสือลาออกของนายโรเซนสไตน์แล้ว
อย่างไรก็ดี กระแสข่าวการลาออกของนายโรเซนสไตน์ยังคงมีความสับสน โดยสำนักข่าวหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอ็นบีซี นิวส์ รายงานว่า นายโรเซนสไตน์จะไม่ลาออกเอง โดยเขาจะออกจากตำแหน่งก็ต่อเมื่อทำเนียบขาวมีคำสั่งปลดเขาออก
ทั้งนี้ การลาออกจากตำแหน่งของนายโรเซนสไตน์จะส่งผลกระทบต่อนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษที่ทำหน้าที่สืบสวนความเกี่ยวพันระหว่างรัสเซียและคณะหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 รวมทั้งการสอบสวนปธน.ทรัมป์ในข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
นายโรเซนสไตน์เป็นผู้แต่งตั้งนายมูลเลอร์ให้ทำการสอบสวนดังกล่าว และนายโรเซนสไตน์ยังเสนอให้เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมบันทึกเสียงคำให้การของปธน.ทรัมป์ในทุกกรณี เพื่อใช้เป็นหลักฐานซึ่งจะนำไปสู่การถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
นายแลร์รี่ แมคโดนัลด์ เจ้าของรายงาน Bear Traps Report ระบุว่า การลาออกของนายโรเซนสไตน์จะสร้างปัญหาต่อพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย.