อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจ และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 23.02 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.064% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.591%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะเจรจาการค้าในวันนี้ ผ่านทางการสนทนาทางโทรศัพท์
"ผมและคุณไลท์ไฮเซอร์มีกำหนดโทรคุยกับเจ้าหน้าที่จีนในวันนี้ โดยเป็นการสนทนาครั้งที่ 2 ของเรา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเจรจาในระดับคณะทำงาน" นายมนูชินกล่าว
"เรากำลังทำงานภายใต้การกำหนดทิศทางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจากการประชุมที่นครโอซากา และเราจะดูว่ามีความคืบหน้ามากแค่ไหน" เขากล่าว
นายมนูชินยังระบุว่า หากการเจรจาวันนี้เป็นไปด้วยดี เขาก็คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาพบกัน เพื่อทำการเจรจาครั้งใหม่
นายมนูชินกล่าวว่า เรื่องของหัวเว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลักของการเจรจา แต่เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีประเด็นที่ซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกมาก
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว สู่ระดับ 111.5 หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ค. และเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.
Conference Board ระบุว่า ดัชนี LEI ที่ปรับตัวลง ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิต, การอนุญาตสร้างบ้าน และการเพิ่มขึ้นของตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 21.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0 หลังจากแตะระดับ 0.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ดัชนีดีดตัวสูงกว่าระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคธุรกิจ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 250 ราย สู่ระดับ 218,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ค. มีจำนวนลดลง 42,000 ราย สู่ระดับ 1.69 ล้านราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 1.70 ล้านราย