กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการที่จะขายตราสารหนี้ในไตรมาส 3 เพื่อรักษาการออกตราสารหนี้ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ร่างกฎหมายงบประมาณระยะ 2 ปีใกล้จะมีผลบังคับใช้ และจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
กระทรวงการคลังระบุในแถลงการณ์ว่า ทางกระทรวงได้เสนอขายตราสารหนี้วงเงิน 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับเอกชนที่ถือตั๋วเงินคลังและพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 ส.ค.นี้
กระทรวงระบุว่า การเสนอขายตราสารหนี้ดังกล่าวประกอบด้วย ตราสารหนี้อายุ 3 ปี วงเงิน 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 ส.ค. 2565, ตราสารหนี้อายุ 10 ปี วงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 ส.ค. 2572 และ พันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 ส.ค. 2592
กระทรวงเปิดเผยว่า จะมีการประมูลตราสารหนี้อายุ 3 ปีในวันที่ 6 ส.ค. 2562 และ การขายตราสารหนี้อายุ 10 และ 30 ปีจะเริ่มขึ้นในวันที่ 7 และ 8 ส.ค.ตามลำดับ โดยจะประกาศผลการประมูลตราสารหนี้ทั้งหมดในวันที่ 15 ส.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงคาดว่า การออกตราสารหนี้ล็อตใหม่นี้ จะระดมเงินสดก้อนใหม่ได้ประมาณ 2.67 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น กระทรวงการคลังสหรัฐคาดว่าจะกู้ยืมเงิน 4.33 แสนล้านดอลลาร์จากตลาดตราสารหนี้ที่ถือครองโดยภาคเอกชนระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่เคยประกาศไว้ในเดือนเม.ย.อยู่ 2.74 แสนล้านดอลลาร์
กระทรวงคาดว่า จากจำนวนเงินกู้ยืมเพิ่มเติมดังกล่าว ทำให้คาดว่างบดุลเงินสดจะอยู่ที่ราว 3.50 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนก.ย.