อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปรับตัวลงในวันนี้ และเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ณ เวลา 22.29 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.524% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.513% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 1.979%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจ รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในระดับต่างๆกันได้จัดการเจรจาการค้าเมื่อวานนี้ ขณะที่การเจรจาจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า จีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าในเดือนก.ย.
นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายควรสร้างภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความคืบหน้าในการเจรจา โดยจีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าอย่างสงบ
คำกล่าวของนายเกามีขึ้น ขณะที่ใกล้ถึงวันอาทิตย์นี้ (1 ก.ย.) ที่ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.
การดีดตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายในภาคบริการ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PCE ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน และภาคบริการ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวลง
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานแตะระดับ 1.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 89.8 ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 92.1 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.0 จากระดับ 98.4 ในเดือนก.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2555 โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งแตะระดับ 102.4 ในช่วงต้นเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แต่เป็นการสำรวจก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล