อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวเหนือระดับ 1.6% ในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมกับแถลงว่าเขาจะทำให้ชาวอเมริกันทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายในวันที่ 1 พ.ค. เพื่อให้สถานการณ์ในสหรัฐกลับสู่ภาวะปกติภายในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ
ณ เวลา 18.19 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.614% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.359%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังดีดตัวขึ้นขานรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ต่ำกว่าคาด
ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้เป็นปัจจัยผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งทะลุระดับ 1.6% แตะระดับสูงสุดในปีนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอยู่ต่ำกว่า 1% ในช่วงต้นปีนี้
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้เม็ดเงินในการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์กันว่า เงินเฟ้อจะเร่งตัวมากขึ้นจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ปธน.ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวานนี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ โดยดัชนี PPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวดีดตัวขึ้นจะบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ