อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวไร้ทิศทางในวันนี้ ท่ามกลางการแสดงความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 23.31 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.49% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.098%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้คำมั่นว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายพาวเวลแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้าง และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป
"ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเรามองว่าการดีดตัวของเงินเฟ้อเป็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ เราจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรเพียงเพราะความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว แต่เราจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อหรือภาวะไร้สมดุลในด้านอื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย" นายพาวเวลกล่าว
อย่างไรก็ดี นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า เขาเป็น 1 ในกรรมการเฟด 7 รายที่คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2565 เมื่อพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อไม่นานมานี้
นายบอสติกกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่าที่คาด และเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ นายบอสติกกล่าวว่า บนสมมติฐานของการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลข GDP ของสหรัฐจะขยายตัว 7% ในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เขาเชื่อว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565
การแสดงความเห็นของนายบอสติกสอดคล้องกับที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า เขาเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
"ผมคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่จะพุ่งแตะ 3% ในปีนี้ และจะอยู่ที่ 2.5% ไปจนถึงปี 2565 โดยสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด" นายบูลลาร์ดกล่าว
นางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
"ดิฉันมีความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฟดอาจบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 2% ในเวลาอีกไม่นาน ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถลดวงเงิน QE จากระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเราอาจบรรลุเป้าในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า" นางดาลีกล่าว
นายพาวเวลเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า กรรมการเฟดจะหารือกันในเดือนหน้าเกี่ยวกับกำหนดเวลาและวงเงิน QE ที่จะมีการปรับลดลง
ความเห็นของนางดาลีสอดคล้องกับนายพาวเวลและกรรมการเฟดรายอื่นที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังใกล้เข้าสู่ภาวะที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเฟด
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน เปิดเผยว่า เฟดจำเป็นต้องจับตาดูปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาบ้าน เนื่องจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำเป็นเวลานานนั้นทำให้ประชาชนกล้าเสี่ยงมากขึ้น
นายโรเซนเกรนเปิดเผยว่า การพุ่งขึ้นของราคาบ้านในบางตลาดนั้นมีลักษณะคล้ายกับราคาบ้านที่พุ่งขึ้นในช่วงวิกฤตฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ครั้งล่าสุด แต่รูปแบบดังกล่าวอาจไม่เกิดซ้ำสองเหมือนที่เคยเกิดขึ้น