อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ แม้สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2.0% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
ณ เวลา 23.12 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.569% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.977%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวเพียง 2.0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.7%
การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่เผชิญภาวะหดตัว 31.2% ในไตรมาส 2 ของปี 2563
ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจกิจสหรัฐเติบโต 6.7% ในไตรมาส 2 และ 6.3% ในไตรมาส 1
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลง
นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลงของการลงทุนในสินทรัพย์คงที่, การใช้จ่ายของผู้บริโภคและรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ ซึ่งแตะระดับ 9.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.3% ในไตรมาส 4 หลังจากพุ่งขึ้น 33.4% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือมากกว่า 70 ปี จากการที่สหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่เศรษฐกิจหดตัว 31.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ และหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 7.0% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากหดตัว 3.4% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย. โดยคาดว่าเฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้