อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง โดยหันเข้าซื้อในตลาดหุ้น ขณะที่เทขายพันธบัตร
ณ เวลา 23.36 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.928% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.079%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด ขณะที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นเก็งกำไร ส่งผลให้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นทุกกลุ่ม หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงติดต่อกัน 6 วัน
วุฒิสภาสหรัฐลงมติวานนี้ให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลมีภารกิจที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้าในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะถดถอย หลังจากหดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/65
นายพาวเวลยอมรับว่าเขาไม่สามารถให้การรับประกันว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ soft landing ขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นางเยลเลนกล่าวว่า ปัจจัยที่จะช่วยให้สหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้แก่ ตลาดแรงงานและภาคธนาคารที่แข็งแกร่ง, สถานะการเงินของภาคครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน