อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 ของสหรัฐในคืนนี้
ณ เวลา 19.22 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.153% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.275%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐประจำไตรมาส 1/65 ในคืนนี้ หลังจากเปิดเผยในการประมาณการครั้งที่ 2 ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.5% จากเดิมที่รายงานว่าหดตัวเพียง 1.4% ในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2563 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
หากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/65 ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.8% ในเดือนมี.ค.
ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทรุดตัวลงสู่ระดับ 98.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 103.2 ในเดือนพ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดิ่งลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันร่วงลงสู่ระดับ 147.1 ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าดิ่งลงสู่ระดับ 66.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2556
การที่ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 80 บ่งชี้ถึงการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในช่วงสิ้นปี
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน