ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่าจะเพิ่มการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากแรงเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอย่างหนักได้เพิ่มแรงกดดันขาขึ้นต่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก และทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ BOJ ประกาศว่าจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5-10 ปี มูลค่า 5.5 แสนล้านเยน (3.8 พันล้านดอลลาร์) ในการดำเนินการตามปกติ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 5 แสนล้านเยนที่กำหนดไว้เดิม โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นแตะ 0.245% เข้าใกล้ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดที่ BOJ วางกรอบซื้อขายไว้
พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเคยเผชิญแรงกดดันมาแล้วในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ BOJ ต้องเร่งเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลขนานใหญ่เพื่อกดให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวต่ำกว่าเพดาน 0.25% ขณะที่นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้เน้นย้ำการตัดสินใจของเขาในการยึดมั่นต่ออัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ แม้ว่าธนาคารกลางของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกต่างก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.3% ซึ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่กดดันให้เงินเยนร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี กรณีดังกล่าวทำให้นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราต่างออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเข้ามาช่วยหนุนเยน อย่างน้อยก็โดยวิธีแทรกแซงด้วยวาจา
"การเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของ BOJ นั้นน้อยมากจนก่อให้เกิดความไม่แน่ใจเรื่องประสิทธิภาพ แต่ก็ถือเป็นการยืนยันจุดยืนของ BOJ เรื่องการจำกัดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้อยู่ที่ระดับ 0.25% โดย BOJ มีศักยภาพในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อไป หากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากไม่มีการเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในเดือนก.ค.และส.ค." นายมาโกโตะ ซูซุกิ นักกลยุทธ์ตราสารหนี้ระดับอาวุโสของบริษัทโอคาซัน ซีเคียวริตี้ส์ในกรุงโตเกียวกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายซูซุกิมองว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นไม่น่าจะลดลงมากนัก แม้ได้รับการช่วยเหลือจาก BOJ เพราะเงินเฟ้อญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับทิศทางทั่วโลก
ขณะที่นักกลยุทธ์บางรายบ่งชี้ว่า เงินเยนที่อ่อนค่ายังไม่ใช่ปัจจัยที่มีน้ำหนักมากพอสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
"นายคุโรดะเปิดเผยหลังการประชุมเดือนก.ค.ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่น่าจะสกัดเงินเยนอ่อนค่าได้แม้แต่น้อย ซึ่งเป็นการตัดความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน" นายคัตสึโตชิ อินาโดเมะ นักกลยุทธ์ของบริษัทมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนลีย์ ซีเคียวริตีส์ในกรุงโตเกียวระบุ