อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกต่อวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรจะปรับตัวสวนทางกับอัตราผลตอบแทน
ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.298% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 3.626%
ดอยซ์แบงก์ได้ตกเป็นเป้าสนใจของนักลงทุนทั่วโลกในวันนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นของทางธนาคารได้ดิ่งลงทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของทางธนาคาร
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี โดยมีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการราว 8.8 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ล่าสุดธนาคารเปิดเผยว่ามีกำไร 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่ม Systemically Important Financial Institution (SIFI) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ หรืออยู่ในกลุ่ม "Too big to fail" ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ใหญ่เกินกว่าจะล้ม โดยภาครัฐจะออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อป้องกันมิให้วิกฤตธนาคารในกลุ่มดังกล่าวลุกลามไปทั่วระบบการเงิน
ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงกว่า 11% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด หลังจาก Credit Default Swap (CDS) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของดอยซ์แบงก์พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของทางธนาคาร
ทั้งนี้ CDS ของดอยซ์แบงก์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.00% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2562 จากระดับ 1.73% วานนี้
"ดอยซ์แบงก์ได้ตกเป็นเป้าสนใจเช่นเดียวกับเครดิต สวิส แม้ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างมาแล้วหลายครั้ง และมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเพื่อให้ธนาคารกลับมามีสถานะที่มั่นคง แต่ความพยายามเหล่านี้ก็ไม่บรรลุผลแต่อย่างใด" นายสจวร์ต โคล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มหภาคของ Equiti Capital กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนแห่เทขายตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Additional Tier 1) หรือ AT1 ของดอยซ์แบงก์เช่นกัน หลังจากที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศตัดมูลค่า AT1 ของเครดิต สวิส ลงเหลือศูนย์ ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนในการถือครอง AT1 ของดอยซ์แบงก์ หากธนาคารเกิดการล้มละลาย