หยวน ต๋า รองเลขาธิการคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) เปิดเผยในวันนี้ (3 ม.ค.) ว่า จีนเตรียมระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษในปริมาณมหาศาลในปี 2568 เพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคธุรกิจและการบริโภค สะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
รองเลขาธิการ NDRC แถลงว่า เงินที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลพิเศษจะถูกนำไปใช้สนับสนุน "สองโครงการใหม่"
"เราจะเพิ่มวงเงินระดมทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เพื่อเร่งขยายผลการดำเนินงานของสองโครงการใหม่" หยวนกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โครงการใหม่ทั้งสองประกอบด้วย โครงการแลกซื้อสินค้าคงทน ที่ให้ผู้บริโภคนำรถยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามาแลกรับส่วนลดซื้อสินค้าใหม่ และโครงการสนับสนุนภาคธุรกิจในการปรับปรุงเครื่องจักรขนาดใหญ่
หยวนเผยว่า ครัวเรือนจะได้รับเงินอุดหนุนสำหรับซื้อสินค้าดิจิทัลสามประเภทในปีนี้ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต นาฬิกาและสายรัดข้อมืออัจฉริยะ
เมื่อเดือนธ.ค. NDRC รายงานว่า รัฐบาลจีนได้จัดสรรเงินที่ระดมทุนจากพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวพิเศษมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนในปี 2567 ครบถ้วนแล้ว โดยราว 70% นำไปใช้ในสองโครงการหลัก ส่วนที่เหลือจัดสรรให้โครงการใหม่
จ้าว เฉินซิน รองประธาน NDRC แถลงว่า จีนจะเพิ่มการระดมทุนผ่านพันธบัตรรัฐบาลพิเศษและขยายขอบเขตของโครงการหลัก โดยรัฐบาลได้อนุมัติโครงการล่วงหน้าสำหรับปี 2568 มูลค่า 1 แสนล้านหยวนภายใต้โครงการหลักแล้ว
ตามเอกสารทางการ โครงการหลักดังกล่าวครอบคลุมงานก่อสร้างระบบราง สนามบิน พื้นที่เกษตรกรรม และการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่สำคัญ
อนึ่ง ประเทศเศรษฐกิจอันดับสองของโลกแห่งนี้เผชิญความท้าทายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ หนี้ท้องถิ่นพุ่งสูง และกำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแอ ขณะที่การส่งออกซึ่งเป็นแสงสว่างเพียงไม่กี่จุด อาจเจอภาษีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า ทางการจีนเห็นชอบให้ออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษเพื่อระดมทุนมูลค่า 3 ล้านล้านหยวนในปี 2568 ซึ่งจะเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เกี่ยวกับเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 หยวนระบุว่า จีนจะสร้างสมดุลระหว่างความต้องการระยะสั้นกับแผนระยะกลางและระยะยาว
นอกจากนี้ รอยเตอร์ยังรายงานว่า คณะผู้นำจีนตกลงที่จะเพิ่มการขาดดุลงบประมาณเป็น 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2568 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยยังคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ราว 5%
"เรามั่นใจเต็มที่ว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้" แม้จะเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ หยวนกล่าว พร้อมเสริมว่า จีนมีพื้นที่เชิงนโยบายเพียงพอที่จะหนุนการเติบโต
อนึ่ง หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานเมื่อวันศุกร์ โดยอ้างความเห็นที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ให้ไว้ว่า PBOC มีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันที่ 1.5% "ในเวลาที่เหมาะสม" ในปี 2568 โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกระตุ้นการเติบโต