นายไซมอน เฉิน ผู้ช่วยรองประธานและนักวิเคราะห์ของมูดีส์กล่าวว่า ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอลงปานกลาง ธนาคารของไทยยังคงมีสถานภาพที่ดีในการรับมือกับความท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากธนาคารไทยมีระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งและมีการกันสำรองที่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น
“เราคาดว่าเงินกู้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมากขึ้น หลังจากช่วง 4 ปีที่เงินกู้ขยายตัวแซงหน้าเงินฝาก โดยอัตราการขยายตัวของเงินกู้ที่ชะลอลงดังกล่าวจะสกัดหรือบางทีอาจจะพลิกฟื้นภาวะการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาของสัดส่วนเงินกู้ต่อเงินฝากของธนาคารดังกล่าว"
แนวโน้มระบบการธนาคารจะเป็นการประเมินล่วงหน้าเกี่ยวกับภาคธนาคารต่อปัจจัยผลักดันด้านเครดิตโดยรวม 5 ประเภท ซึ่งได้แก่ บรรยากาศการดำเนินงาน, คุณภาพสินทรัพย์และเงินทุน, การระดมทุนและสภาพคล่อง, ศักยภาพในการทำกำไรและประสิทธิภาพ รวมทั้งการสนับสนุนเชิงระบบ โดยมูดีส์ประเมินปัจจัยแต่ละประเภทของระบบธนาคารไทยว่ามีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม มูดีส์เตือนว่าธนาคารไทยจะเผชิญความเสี่ยงจาก หนี้สินภาคครัวเรือน ซึ่งพุ่งขึ้นแตะ 79% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ณ เดือนมิ.ย. จาก 64% ในไตรมาส 1 ปี 2554 และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้น