(เพิ่มเติม) ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TOP ที่ AA-(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 13, 2015 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ที่ 'AA-(tha)', ความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)' และความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันที่ 'AA-(tha)' โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

ความสามารถในการรองรับอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้นได้: อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำ ซึ่งน่าจะสามารถรองรับผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 ถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ได้ แม้ว่าราคาน้ำมันที่ลดลงนี้จะมีผลกระทบต่ออัตราส่วนทางการเงินในปี 2557 และไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 แต่ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะปรับตัวลงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.75 เท่าภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลงทุนที่ลดลงตั้งแต่ในปี 2559 เป็นต้นไป

โรงกลั่นที่มีการผลิตแบบคอมเพล็กซ์และต้นทุนต่ำ: อันดับเครดิตของบริษัทฯ สะท้อนถึงการมีขนาดการผลิตที่ใหญ่เมื่อเทียบกับโรงกลั่นน้ำมันอื่นๆในประเทศ รวมถึงการมีกระบวนการกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปชนิดที่มีมูลค่าสูงได้ในสัดส่วนที่สูงโดยมีต้นทุนการผลิตต่ำ การพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่องและการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นยังช่วยทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในภูมิภาคเดียวกันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการกลั่นน้ำมันได้เต็มกำลังการผลิต

การมีธุรกิจที่หลากหลาย: บริษัทฯ มีการขยายสายการผลิตต่อเนื่องไปยังการผลิตอะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและผลิตภัณฑ์โซลเว้นท์ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และลดความผันผวนของส่วนต่างระหว่างรายได้กับต้นทุน การขยายธุรกิจไปยังการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของสารเบนซีนจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าของบริษัทฯมากขึ้น นอกจากนี้ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป เมื่อโรงไฟฟ้า 2 โรงที่สร้างขึ้นใหม่เริ่มทำการผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ตามสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจไฟฟ้าจะยังคงไม่สูงมากนัก โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 6 ถึง ร้อยละ 8 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายรวมของบริษัทฯ ในปี 2559

ความเชื่อมโยงกับ ปตท.: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ ได้มีการพิจารณารวมถึงการปรับอันดับเครดิตขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตของบริษัทฯ เมื่อพิจารณาตัวบริษัทฯโดยลำพัง (Stand-alone Rating) การปรับดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมโยงของบริษัทฯ กับ บมจ. ปตท. หรือ ปตท. (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ระดับ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งแสดงถึงความสำคัญทางด้านกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีต่อปตท. นอกเหนือจากการที่ปตท.เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 49 บริษัทฯเป็นโรงกลั่นที่สำคัญในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันที่เป็นบริษัทในเครือของปตท. รวมถึงเป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปหลักให้กับธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของปตท.อีกด้วย โดยปริมาณน้ำมันที่ขายให้แก่ปตท. คิดเป็นหนึ่งในสามของความต้องการน้ำมันทั้งหมดในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของปตท.

ธุรกิจมีความผันผวนสูง: อันดับเครดิตของบริษัทฯ ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของวัฏจักรของธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวและพึ่งพา ปตท. ในตลาดภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่ให้กับปตท. (ร้อยละ 41 ของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557) ได้ถูกบรรเทาลงจากการที่ปตท. มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ในการจัดจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงอีกด้วย

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ:

  • ราคาต้นทุนเป็นไปตามประมาณการราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของฟิทช์
  • ค่าการกลั่น (GRM) ที่ดีขึ้นในปี 2558 เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่น่าจะที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โครงการ HVU Revamp และ CDU-3 preheat train improvement ที่แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2557 รวมถึงแผนการลดต้นทุนซึ่งน่าจะช่วยให้ส่วนต่างของราคาขายและต้นทุนดีขึ้น
  • ใช้กำลังการกลั่นที่ 102% ในปี 2558-2559 และส่วนต่างของราคาขายและต้นทุนของสารพาราไซลีนที่ยังคงอ่อนแออยู่เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามามาก
  • จำนวนเงินลงทุนลดลงในปี 2558-2559 จากปี 2557

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

-การมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 0.75 เท่า อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยในระยะ 2- 3 ปี ข้างหน้า

  • ระดับความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงานและความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ กับ ปตท. ที่เพิ่มมากขึ้น

ปัจจัยลบ:

  • ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและวัตถุดิบที่ต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างต่อเนื่อง และ/หรือ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นโดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่า 1.75 เท่า อย่างต่อเนื่อง
  • ระดับความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงานและความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ กับ ปตท. ที่ลดลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ