(เพิ่มเติม) ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ SCCC ที่ระดับ 'A(tha)' แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 8, 2015 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ที่ระดับ 'A(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ 'F1(tha)' รวมถึงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ระดับ 'A(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

โดยปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต ได้แก่ ความแข็งแกร่งทางการตลาดในฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย ซึ่งวัดจากส่วนแบ่งการตลาด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ระดับร้อยละ 27 ฟิทช์คาดว่าด้วยชื่อเสียงของตราสินค้าประเภทปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง บริษัทฯ จะสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดไว้ได้ รวมถึงสามารถรักษาผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Operating EBITDA) ให้อยู่ระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งได้ต่อไปในระยะเวลาห้าปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ วัดโดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) จะเพิ่มสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูงในปี 2558-2559 (ณ สิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 0.8 เท่า) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตของ SCCC และทำให้ บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นทางการเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนที่จะเกิดขึ้นจากกลยุทธ์ที่มุ่งขยายการเติบโตของธุรกิจในช่วงสองปีข้างหน้า

ฟิทช์คาดว่า รายได้ของบริษัทฯ ในปี 2558 จะเติบโตในระดับเดียวกับในปี 2557 ที่ประมาณร้อยละ 5-7 (ปี 2557: ร้อยละ 6) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA margin) น่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 22-23 (ปี 2557: ร้อยละ 24) เป็นผลมาจากแรงกดดันด้านราคาขายที่มีแนวโน้มลดลงจากอุปทานที่เพิ่มสูงขึ้น ฟิทช์คาดว่ารายได้และอัตรากำไรของบริษัทฯ จะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ปี 2559 ในทิศทางเดียวกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

ผลการดำเนินงานที่อ่อนไหวต่อราคาพลังงานก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากอัตราส่วนกำไรของบริษัทฯ มีความอ่อนไหวต่อระดับราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาถ่านหินและไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิงและไฟฟ้าโดยเฉลี่ยมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินในปี 2557 ปรับลดลงจากปีก่อน และคาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปี 2558 (ข้อมูลจากธนาคารโลก)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ