อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ของ AIS จะปรับตัวลดลง 17% มาอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทในปี 2559 จาก 7.24 หมื่นล้านบาทในปี 2558 กำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการที่ AIS ต้องหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G บนคลื่นความถี่ 900MHz เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชนะการประมูลคลื่นความถี่ 900MHz ในเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาได้ โดย AIS ต้องเสนอส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ (Handset Subsidy) เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้บริการที่ยังใช้โทรศัพท์ 2G ย้ายไปใช้บริการเครือข่าย 3G ก่อนที่จะมีการหยุดการให้บริการเครือข่าย 2G ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2559
AIS วางแผนที่จะให้บริการอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ใช้บริการ 2G ที่ยังไม่สามารถย้ายไปยังเครือข่ายใหม่ได้ทัน โดยในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านนี้บริษัทจะให้บริการ 2G ผ่านการเช่าใช้เครือข่ายจากผู้ให้บริการรายอื่น AIS คาดว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการให้ส่วนลดค่าเครื่อง และการเช่าใช้เครือข่าย 2G จะอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาทในปี 2559
ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO-Adjusted Net Leverage) ของ AIS จะอยู่ในระดับสูงกว่า 1.5 เท่าเล็กน้อย โดยฟิทช์มองว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวที่เหมาะสมกับอันดับเครดิต ‘BBB+’ ของ AIS ควรอยู่ต่ำกว่า 1.5 เท่า อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้ดังกล่าวจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.5 เท่าในปี 2560 เนื่องจากคาดว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น จากการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายจากการให้ส่วนลดค่าเครื่อง และการเช่าใช้เครือข่าย 2G อย่างไรก็ตาม ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของ AIS หากอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 1.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากการปรับตัวของกำไรไม่เป็นไปตามคาด หรือการที่หนี้สินปรับตัวสูงขึ้น ณ สิ้นปี 2558 อัตราส่วนหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียนของ AIS ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.0 เท่า
ฟิทช์เชื่อว่า AIS น่าจะมีคลื่นความถี่เพียงพอในการให้บริการ 2G และ 3G แม้ว่าบริษัทจะไม่มีคลื่นความถี่ 900MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำ และจะต้องหยุดให้บริการเครือข่าย 2G ในเดือนพฤศจิกายน 2558 AIS ได้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1.8GHz ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเปิดให้บริการ 4G ในเดือนมกราคม 2559 นอกจากนี้ความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT ที่น่าจะมีข้อสรุปเร็วๆ นี้ จะทำให้ AIS สามารถเข้าใช้คลื่นความถี่ 2.1GHz และเสาโทรคมนาคมของ TOT เพื่อเสริมการให้บริการ 3G ของบริษัท ฟิทช์คาดว่า AIS น่าจะยังคงสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามรายได้จากการให้บริการในระดับประมาณ 50% ในช่วงสองปีข้างหน้า (ในช่วงเก้าเดือนของปี 2559 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามรายได้จากการให้บริการที่ 52.4%)