ไชน่า เฉิงซิน อินเตอร์เนชันแนล เครดิต เรทติ้ง (CCXI) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของจีน ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA และเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก เนื่องจากสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะหน้าผาการคลัง (Fiscal Cliff) อันเนื่องมาจากการที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ แม้ใกล้จะถึงกำหนดเส้นตายการผิดนัดชำระหนี้ หรือ "X-date" ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ภาวะหน้าผาการคลังหมายถึง ภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศสูญเสียแรงขับเคลื่อนทางการคลังอย่างฉับพลันและรุนแรง เนื่องจากมาตรการด้านการคลังชั่วคราวที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่เกิดวิกฤตินั้นสิ้นสุดลง ยิ่งมาตรการนั้น ๆ มีขนาดใหญ่มากเท่าไร เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจสูญเสียแรงส่งมากขึ้นเท่านั้น และนั่นหมายถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจถูกฉุดให้ลดต่ำลงหรืออาจรุนแรงถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย ด้วยเหตุนี้ นักเศรษฐศาสตร์จึงเปรียบเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกับว่า เศรษฐกิจจะตกหน้าผาการคลัง
CCXI ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิสระบุว่า "แม้ว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในท้ายที่สุด แต่ความเสี่ยงในเรื่องนี้จะสร้างความไม่แน่นอนให้กับแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ และจะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐมีความเปราะบางเพิ่มขึ้น"
การดำเนินการของ CCXI สวนทางกับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายอื่น ๆ โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ และดีบีอาร์เอส มอร์นิ่งสตาร์ได้ประกาศให้เครดิตพินิจ (Rating Watch) ของสหรัฐเป็นเชิงลบเท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสที่สหรัฐจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือในวันข้างหน้า ขณะที่มูดี้ส์ระบุเพียงว่า การที่รัฐบาลสหรัฐต้องจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรให้ตรงตามกำหนดในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มูดี้ส์ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ AAA
รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการลดการใช้จ่ายและการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจจะช่วยลดความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์