เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิสราเอลลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลไว้ที่ระดับ AA- โดยระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มที่จะบานปลาย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
เอสแอนด์พีระบุในรายงานเมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ว่า "แนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ลดลงสู่เชิงลบสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ว่า การทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจจะลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น หรืออาจจะมีผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจอิสราเอลมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้"
"ขณะนี้เราตั้งสมมติฐานว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังคงอยู่ในฉนวนกาซา และคาดว่าความขัดแย้งนี้จะยืดเยื้อไม่เกิน 3-6 เดือน"
เอสแอนด์พีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะหดตัวลง 5% ในไตรมาส 4 ปีนี้เมื่อเทียบกับในไตรมาส 3 เนื่องจากสงครามในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันและทำให้กิจกรรมทางธุรกิจอ่อนแอลง นอกจากนี้ ภาวะสงครามยังทำให้รัฐบาลอิสราเอลต้องเกณฑ์ทหารกองหนุนจำนวนมาก อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถูกชัตดาวน์ และบั่นทอนความเชื่อมั่นเป็นวงกว้าง
"หากความขัดแย้งลุกลามบานปลายอย่างมีนัยสำคัญ อันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลก็จะถูกปรับลดลง" เอสแอนด์พีระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธของฮามาสได้บุกข้ามชายแดนจากฉนวนกาซาเข้าไปยังดินแดนของอิสราเอล และสังหารชาวอิสราเอลอย่างน้อย 1,400 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ส่งผลให้อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาเพื่อตอบโต้ ซึ่งทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 5,700 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
การปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิสราเอลโดยเอสแอนด์พีนั้น มีขึ้นเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังจากที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่รุนแรงและไม่คาดคิดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์