เนื่องจากเฟดมีแนวโน้มว่า จะค่อยๆชะลอมาตรการ QE ลง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจซบเซาลงมาเป็นเวลากว่า 5 ปีที่แล้ว และด้วยแนวทางในการดำเนินการที่เรียบง่าย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้ว่า จีนจะไม่ได้รับผลกระทบ ฟารี้ดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว
แซคคาเรีย ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในนักคิดระดับ Top 100 ของโลก จากนิตยสาร Foreign Policy กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันอยู่ ขณะที่การขยายตัวก็ยังไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ ผมเชื่อว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบาย QE ต่อไป
" ผมไม่คิดว่า จะมีการยกเลิก QE ในเร็วๆนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมพอที่จะมีการยกนโยบาย" แซคคาเรียกล่าว
เมื่อเดือนมิ.ย. เฟดส่งสัญญาณว่า อาจจะชะลอโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนก่อนที่จะถึงสิ้นปี แต่ต่อมาเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดก็เริ่มที่จะเปลี่ยนท่าที หลังจากที่นักลงทุนเริ่มที่จะกังวลและสับสน
แซคคาเรีย กล่าวว่า เมื่อเฟดเริ่มชะลอโครงการ QE ลงแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็เปรียบเสมือนเป็นสัญญาณที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น
ขณะเดียวกัน เฟดก็จับตาการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ ซึ่งปัจจัยนี้จะส่งผลดีต่อจีนด้วย
คอลัมนิสต์ กล่าวต่อไปว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัว ก็เท่ากับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับจีนและทั่วโลก โดยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะยังคงนำเข้าสินค้าจากจีน
แซคคาเรีย กล่าวว่า ดังนั้น ผมเชื่อว่าสิ่งที่เฟดจะทำคือการจับตากับการตั้งคำถามในเรื่องนี้
ในขณะที่การชะลอมาตรการ QE เป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่จนถึงขณะนี้ก็เรียกได้ว่า เฟดได้เดินมาในแนวทางที่ถูกต้อง และผมไม่คิดว่า เฟดจะเริ่มชะลอมาตรการ QE จนกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นไปอย่างสดใสมากกว่านี้
แซคคาเรีย กล่าวว่า จีนไม่ควรจะกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของสหรัฐในเรื่องมาตรการ QE เพราะผลประโยชน์ของจีนนั้นก็ถูกจัดให้อยู่ในแนวทางเดียวกันกับของสหรัฐอยู่แล้ว
ผมคิดว่า อัตราดอกเบี้ยคงจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามปกติ แต่ไม่คิดว่า จะปรับเพิ่มขึ้นมาก เพราะอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐนั้น ยังอยู่ในระดับต่ำ
บทสัมภาษณ์โดย แมทธิว รัสลิง จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน