นายรุทโควสกี้กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า จีนยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลก และมีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่เศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่สูงกว่า 7.5% ในไตรมาสที่ 2 และส่วนใหญ่จะต่ำกว่า
“ภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังดีกว่าในช่วงสิ้นปี 2551 และต้นปี 2552 ก่อนที่จีนจะใช้มาตรการกระตุ้น อัตราการขยายตัวได้ชะลอตัวลงแต่เป็นเพียงระดับเล็กน้อย ในขณะที่อุปสงค์จากภายนอกมีภาวะที่ดีกว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ" เขากล่าว
ในระยะสั้น การขยายตัวของการลงทุนในภาคบริการของจีน การปรับปรุงภาคอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคในเขตเมืองจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ
เนื่องจากภาคบริการได้ขยายตัว 8.3% ในครึ่งแรกของปี 2556 ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่ 7.6% การจ้างงานและอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในภาคบริการจะช่วยชดเชยบางเรื่องที่อ่อนแรงลงในภาคอุตสาหกรรม นายรุทโควสกี้ระบุ
“ในระยะยาว การขยายตัวของการบริโภคของภาคครัวเรือนซึ่งได้รับแรงหนุนจากการจัดสรรทรัพยากรและโอกาสด้านการจ้างงานที่ดีขึ้นในภาคบริการจะช่วยส่งเสริมการขยายตัวให้มีความยั่งยืนมากขึ้น"
อย่างไรก็ดี นายรุทโควสกี้กล่าวเตือนว่า ความวิตกกังวลที่แท้จริงสำหรับเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกก็คือ การลดลงของอัตราการขยายตัวของรายได้ของภาคครัวเรือน โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้ อัตราการขยายตัวของรายได้ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้ได้ลดลงในอัตราที่รวดเร็วอันเนื่องมาจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอ
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนบ่งชี้ว่า รายได้ที่สามารถนำไปใช้ได้ที่แท้จริงในเขตเมืองของจีนเพิ่มขึ้น 6.5% ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงเวลาเดียวกันที่ประมาณ 1%
นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า หากผู้กำหนดนโยบายของจีนต้องการประสบความสำเร็จในการทิศทางเศรษฐกิจจากการผลักดันด้วยภาคส่งออกและการลงทุนไปยังการบริโภคภายในประเทศ อัตราการขยายตัวของรายได้ของภาคครัวเรือนและการบริโภคของจีนควรจะสูงกว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงอีกหลายปีถัดไป
บทสัมภาษณ์โดยสำนักข่าวซินหัว