นายแฮร์รีสกล่าวว่า “การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งว่า เราใกล้ที่จะกลับเข้าสู่วัฏจักรของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกรอบ"
ตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ คือกุญแจไปสู่สถานะทางการเงินที่ดีขึ้นของภาคครัวเรือน อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมธนาคาร ในช่วง 3 ปีแรกหลังเกิดวิกฤตการเงินโลก ผู้บริโภคสหรัฐได้ถอนตัวออกจากตลาดที่อยู่อาศัยเนื่องจากมียอดบ้านที่ถูกยึดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการปรับตัวลดลงของราคาบ้าน
นายแฮร์รีสระบุว่า นโยบายควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณได้ช่วยให้ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัว
“ในช่วง 2 ปีล่าสุด เราสามารถแก้ปัญหาบ้านถูกยึดได้ประมาณ 2 ใน 3 ส่วน และตลาดที่อยู่อาศัยได้กลับมาดำเนินงานในระดับปกติ" เขากล่าว “ตลาดมีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะปรับตัวเพิ่มขึ้น"
นายแฮร์รีสกล่าวเสริมว่า ปีหน้าจะเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง “นับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าสหรัฐได้ฟื้นตัวอย่างมากหลังจากที่เกิดวิกฤต"
เนื่องจากนโยบายผ่อนคลายได้ช่วยให้ภาคธนาคารมีศักยภาพด้านการทำกำไรสูงขึ้น รวมทั้งช่วยให้บริษัทมีงบดุลที่แข็งแกร่งกว่าในช่วงที่ผ่านมา จึงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวประมาณ 3-3.5% ถึงแม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือคาดคิดในเรื่องงบประมาณก็ตาม นายแฮร์รีสระบุ
ในส่วนของการปรับลดขนาดของมาตรการ QE นั้น นายแฮร์รีสกล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับกลยุทธ์ของเฟดในการปรับลดปริมาณลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป “ผมเชื่อว่าการดำเนินการจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่เฟดได้ระบุไว้ เนื่องจากเรายังคงติดอยู่กับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 2% และอัตราเงินเฟ้อก็ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับต่ำ" เขากล่าว
ขณะที่ตลาดคาดว่า เฟดจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย. นายแฮร์รีสกล่าวว่า เดือนก.ย.อาจจะไม่ใช่เดือนที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายเนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอีกหลายเรื่อง เช่น การอภิปรายในประเด็นงบประมาณของรัฐสภา การหารือเกี่ยวกับซีเรีย และการสรรหาประธานเฟดคนใหม่
“หากพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และนั่นเป็นการส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอในระยะนี้อย่างแท้จริง" นายแฮร์รีสกล่าว “เฟดน่าจะรอไปจนถึงเดือนธ.ค.ก่อนที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว"
สำหรับความเห็นเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมากจากประเทศตลาดเกิดใหม่นับตั้งแต่ช่วงต้นปีหลังจากสหรัฐได้ส่งสัญญาณว่าจะยกเลิกมาตรการ QE นายแฮร์รีสระบุว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ตลาดวิตกกังวลและส่งผลให้เฟดชะลอการดำเนินการ และแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐจะช่วยให้มีข้อยุติในเรื่องดังกล่าว
ตลาดเกิดใหม่มีความเปราะบางอย่างยิ่งต่อการยกเลิก QE โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ขาดดุลการค้าเป็นจำนวนมากและประเทศที่มีเงินร้อนไหลเข้าออกเป็นจำนวนมาก
“เพียงไม่นานหลังจากที่มีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง ตลาดหล่านี้จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง" นายแฮร์รีสกล่าว “แต่ผมเชื่อว่าในที่สุด เศรษฐกิจโลกและตลาดเกิดใหม่จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากเฟดยกเลิก QE"
สำหรับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน นายแฮร์รีสระบุว่า เศรษฐกิจจีนไม่มีแนวโน้มที่จะหดตัวลงอย่างรุนแรงเนื่องจากรัฐบาลจีนสามารถดำเนินการปฏิรูปและแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นได้ และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับที่เหมาะสมยังเปิดโอกาสให้รัฐบาลจีนใช้ความยืดหยุ่นในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแรงลง
บทสัมภาษณ์โดย สำนักข่าวซินหัว