นายแอนดี้ แฮร์ริส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันจากรัฐแมริแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า "ประชาชนชาวอเมริกันหวังว่าถ้าเกิดความขัดแย้งกันในรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายจะนั่งลงและคุยกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น"
รัฐบาลกลางสหรัฐปิดหน่วยงานบางส่วนหลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้ทันเส้นตายเมื่อเที่ยงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยพรรครีพับลิกันขอให้เปลี่ยนแปลงกฎหมายประกันสุขภาพโอบามาแคร์เพื่อแลกกับการผ่านร่างงบประมาณ ขณะที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้พรรครีพับลิกันเสนอร่างงบประมาณที่ใสสะอาด เพื่อจะได้จัดสรรเงินให้แก่การดำเนินการต่างๆของรัฐบาลกลางโดยไม่มีเงื่อนไขผูกติดมา
นายแฮร์ริสกล่าวว่า "ความจริงเรายื่นข้อเสนอมากมายให้วุฒิสภา แต่วุฒิสภาส่งสัญญาณกลับมาว่าไม่ต้องการพูดคุยด้วยและไม่ต้องการเจรจา ประธานาธิบดีก็บอกว่าไม่อยากคุยและไม่อยากเจรจา การทำงานมันไม่ควรเป็นแบบนั้น เราต้องรื้อฟื้นการหารือและการเจรจาซึ่งจะนำไปสู่การประนีประนอมในที่สุด"
การประชุมระหว่างโอบามากับบรรดาผู้นำในสภาคองเกรสเมื่อวันพุธที่ผ่านมาจบลงโดยแทบไม่มีความคืบหน้าในเรื่องของการปิดหน่วยงานรัฐบาล และโอบามาย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องการเจรจาเรื่องที่สภาคองเกรสจำเป็นต้องเปิดหน่วยงานอีกครั้งหรือเพิ่มเพดานหนี้
นายแฮร์ริสกล่าวว่า เดโมแครตต้องการผ่านร่างงบประมาณโดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ แต่รีพับลิกันจะผ่านร่างงบประมาณเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายโอบามาแคร์ โดยรีพับลิกันต้องการให้เลื่อนเวลาการบังคับใช้กฎหมายโอบามาแคร์ออกไปอีก 1 ปี
ขณะเดียวกันสหรัฐก็กำลังเผชิญกับปัญหาเพดานหนี้ โดยนายจาค็อบ ลิว รมว.คลังสหรัฐ กล่าวกับสภาคองเกรสเมื่อวันอังคารว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางจะชนเพดานที่ระดับ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ และหากไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐก็จะผิดนัดชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลีกันยืนยันว่า การเพิ่มเพดานหนี้ควรจะสอดคล้องกับลำดับสำคัญก่อนหลังของนโยบายพรรค
"ดูเหมือนว่าทั้งสองประเด็นจะมารวมกันได้ในจุดนี้" นายแฮร์ริสกล่าว พร้อมกับเสริมว่าการรวมสองประเด็นมาไว้ในการเจรจาเดียวอาจช่วยผ่าทางตันได้
เมื่อถูกถามว่าพรรครีพับลิกันทนได้หรือที่ถูกประชาชนโจมตีว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา เขาตอบว่า "หากการปิดหน่วยงานรัฐยืดเยื้อต่อไป ประชาชนจะเริ่มตระหนักแล้วว่าประธานาธิบดีบกพร่องต่อหน้าที่และไม่สามารถทำให้รัฐบาลดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำคือการเจรจากับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย" สำนักข่าวซินหัวรายงาน