จีน และอาเซียน จะร่วมมือกันเพื่อยกระดับ CAFTA เอกอัครราชทูตกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวก่อนการเยือนบรูไน ไทย และเวียดนามของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และก่อนที่เขาจะเข้าร่วมการประชุมกับบรรดาผู้นำในเอเชียตะวันออก
เมื่อเดือนที่แล้ว นายกฯจีนได้เสนอ "แผนพัฒนา" เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน ณ พิธีเปิดงานจีน-อาเซียน เอ็กซ์โป ครั้งที่ 10 และการประชุมสุดยอดการลงทุนและธุรกิจจีน-อาเซียนในเมืองหนานหนิง
การที่จะดำเนินการ "พัฒนา" เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนนั้น นายเสิ่ง เซียงหลิน กล่าวว่า จีน และอาเซียนต้องขยายพื้นที่การค้า และพิจารณาขอบเขต CAFTA ใหม่อีกครั้ง นอกเหนือจากการเปิด และยกระดับความสะดวกสะบาย และความเป็นอิสระในด้านการค้า และการลงทุน เช่นเดียวกับการเพิ่มปริมาณการค้า และผลประโยชน์ของประชาชนในจีน และอาเซียน
ทูตจีน กล่าวว่า CAFTA ซึ่งก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2553 มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า และการลงทุนแบบทวิภาคี
ด้วยความร่วมมือจากทั้ง 2 ฝ่ายทำให้ CAFTA ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และประสบผลสำเร็จ
ความสำเร็จของการร่วมมือระหว่างจีน และอาเซียนในด้านการค้า และการลงทุนตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการพัฒนาที่เหมือนกันของทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น การยกระดับ CAFTA จึงเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม และตอบสนองความต้องการในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของทั้ง 2 ฝ่าย
จีนร่วมมือกับประเทศอาเซียนอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับการเจรจากลุ่มหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่มีสมาชิกทั้งหมด 16 ประเทศ และมีประชากรรวมกันนับเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วโลก และ 30% ของ GDP โลก
ปัจจุบัน จีนเป็นพันธมิตรการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน ขณะที่อาเซียนเป็นพันธมิตรการค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ของจีน
เอกอัครราชทูตจีนประจำบรูไนยังเรียกร้องให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของกรอบการทำงาน 10+1 อย่างเต็มที่ ในฐานะที่กรอบการทำงานดังกล่าวมีบทบาทสำคัญ และใช้กรอบการทำงาน 10+3 เพื่อเป็นช่องทางความร่วมมือครั้งสำคัญในเอเชียตะวันออก