เจนิเฟอร์ คาร์เพนเทอร์ ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า "ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนถือเป็นเรื่องค่อนข้างปกติ และเราต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นอื่นๆในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ต่างก็อยู่ในภาวะแบบเดียวกัน" คาร์เพนเทอร์กล่าว
หลังจากที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ร่วงลงไป 8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ได้เกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดหุ้นจีน
"น่าแปลกที่เราวิพากษ์วิจารณ์ว่าบรรดานักลงทุนและผู้จัดการกองทุนในตลาดเป็นพวกนักเล่นหุ้นระยะสั้น แต่ถึงกระนั้น คนที่ชอบแสดงความคิดเห็นอดไม่ได้ที่จะมีปฏิกริยาที่มากจนเกินไปต่อการเคลื่อนไหวที่หวือหวาของตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา" คาร์เพนเทอร์กล่าว
โรเบิร์ต ไวท์ลอว์ ประธานสำนักงานการเงินแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กกล่าวกับซินหัวว่า "ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสามารถผันผวนได้อย่างรวดเร็ว การปรับตัวขึ้นและลงในตลาดหุ้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ตลาดหุ้นจีนเริ่มอิงกับข้อมูลด้านผลกำไรในอนาคตของบริษัทเอกชน เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐ"
ขณะที่คาร์เพนเทอร์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นจีนที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว แซงหน้าต่างๆหุ้นอื่นๆทั่วโลกนั้น เป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ตลาดหุ้นจีนมักจะขานรับการปฏิรูปใหม่ๆของรัฐบาล"
ไวท์ลอร์เห็นด้วยกับความคิดของคาร์เพนเทอร์ที่ว่า สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการปฏิรูประบบการเงินของจีน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดศักยภาพด้านการลงทุนมูลค่ามหาศาลของจีนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเป็นการวางรากฐานของการเปิดตลาดทุนสู่ประชาคมโลกด้านการลงทุนระหว่างประเทศ
"เรามั่นใจว่าตลาดหุ้นจีนจะคึกคักอย่างมากในอนาคต" คาร์เพนเทอร์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนกล่าวว่า ในขณะที่จีนเปิดเผยและบังคับใช้นโยบายปฏิรูปฉบับใหม่ๆนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของประเทศทั่วโลกควรจะจับตาดูราคาหุ้นของจีน ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550